Kick It Out Fitness เทคนิคออกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักแบบถาวร

เทคนิคออกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักแบบถาวร

เทคนิคออกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก

ปัจจุบันนี้การมีรูปร่างที่ดีไม่เพียงสร้างความมั่นใจในตนเอง สร้างสังคมแล้ว ยังช่วยสร้างสุขภาพที่ดีด้วย แต่ด้วยลักษณะการบริโภคอาหารที่ไม่มีประโยชน์ ที่อุดมไปด้วย แป้ง น้ำตาล ไขมันทำให้เกิดการสะสมไขมันส่วนเกินตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย จนทำให้น้ำหนักพุ่งทะลุเพดานหลายเป็นคนอ้วนโดยไม่รู้ตัว ซึ่งการลดน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพ จะต้องประกอบด้วย 2 ส่วนคือ การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย โดยการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักจะแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะด้วยกันคือ

เริ่มจากการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ คือ การออกกำลังกายที่กระตุ้นการเต้นของหัวใจให้เพิ่มขึ้น ทำให้เลือดเกิดการไหลเวียนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ระบบเผาพลาญพลังงานสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ร่างกายจึงมีการดึงไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายมาใช้เป็นแหล่งพลังงานสำหรับกระบวนการเผาพลาญ ดังนั้นสำหรับผู้ที่เริ่มต้นลดน้ำหนักจะต้องเน้นการออกกำลังแบบคาร์ดิโอก่อน เช่น การวิ่ง การเต้นแอโรบิค การปั่นจักรยาน การกระโดดเชือก การว่ายน้ำ การเล่นเทสนิส เป็นต้น ในขณะที่ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอร่างกายจะมีการหายใจนำออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายมากกว่าปกติ ด้วยเหตุนี้ร่างกายจะทำการดึงไขมันที่สะสมออกมาใช้เป็นแหล่งพลังงานอย่างสมบูรณ์ ไม่ทำการดึงไกลโคเจนที่อยู่ในกล้ามเนื้อมาเป็นแหล่งพลังงานจนทำให้กล้ามเนื้อมีขนาดลดลง เป็นการลดไขมันที่สะสมอยู่ตามอวัยวะให้มีปริมาณที่น้อยลง การออกแบบคาร์ดิโอควรออกกำลังกายวันละ 30 นาที อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์หรือวันละ 1 ชั่วโมง 3 วันต่อสัปดาห์

จบด้วยการออกแบบเวทเทรนนิ่ง คือ การออกกำลังกายที่เน้นการสร้างกล้ามเนื้อให้มากขึ้นและลดมวลไขมันให้น้อยลง เพราะเมื่อร่างกายมีกล้ามเนื้อและต้องการรักษากล้ามเนื้อ ร่างกายจะต้องอาศัยพลังงานจากไขมันในการรักษากล้ามเนื้อที่เกิดขึ้นให้คงอยู่ต่อไป และเมื่อรับประทานอาหารเข้าไปใหม่ร่างกายจะดึงไขมันมาใช้ในทันทีไม่นำไปสะสมเป็นไขมันส่วนเกิน ดังนั้นผู้ที่ลดน้ำหนักหนักและต้องการรักษารูปร่างให้คงทีหรือผู้ที่สัดส่วนยังไม่กระชับ ผิวหนังมีการหย่อนยานและต้องการสร้างรูปร่างที่กระชับจะต้องออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง เช่น การยกดัมเบล การซิตอัพ เป็นต้น อย่างต่อเนื่องหลังจากที่ลดน้ำหนักจนพอใจแล้ว เพื่อรักษาให้น้ำหนักคงที่อย่างถาวร

            การลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่ต้องอาศัยกำลังใจและความตั้งใจจริงในการสร้างระเบียบวินัย ทั้งการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ลดการกินไขมัน คาร์โบไฮเดรตและแป้งที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ร่วมกับการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอและเวทเทรนนิ่งอย่างต่อเนื่อง เริ่มจากวันละ 10 นาทีจนถึงวันละ 50 นาที ย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง แล้วคุณจะมีรูปร่างที่ดี ปราศจากไขมันส่วนเกินและโรคภัยที่จะเข้ามาทำร้ายชีวิต มีชีวิตยืนยาวอย่างมีความสุข

Related Post

การออกกำลังกาย

ฟิตเนสใครกันที่ควรเข้า..ผู้ป่วยโรคเบาหวาน?ฟิตเนสใครกันที่ควรเข้า..ผู้ป่วยโรคเบาหวาน?

ว่ากันด้วยเรื่องของการออกกำลังกาย การออกกำลังกายนั้นเหมาะสำหรับทุกคนที่ต้องการมีสุขภาพที่ดี และหุ่นฟิตแอนด์เฟิร์ม การเข้าฟิตเน็สจึงไม่มีการแบ่งเพศหรือวัย ว่าคุณนั้นจะเพศอะไรหรืออยู่วัยไหนเพราะเราสามารถที่จะเข้าฟิตเนสกันได้ทุกคน ไม่เว้นแต่ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เหมาะแก่การเข้าฟิตเนสเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งบางคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานนั้นสามารถเข้าฟิตเนสได้ด้วยเช่นกัน เพราะด้วยโรคประจำตัวหรืออะไรต่าง ๆ ที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการออกกำลังกาย แต่ความจริงแล้วบุคคลที่ควรจะเข้าฟิตเนสมากที่สุดก็คือบุคคลที่มีโรคเบาหวานติดตัวนั่นเอง เพราะการเข้าฟิตเน็ทนั้นสามารถช่วยเยียวยาบุคคลเหล่านี้ให้หายได้ ทำไมผู้ป่วยโรคเบาหวานถึงควรเข้าฟิตเนส 1.การทำงานของอินซูลินมีประสิทธิภาพมากขึ้น 2.ลดน้ำตาลในเลือดต่อเนื่อง 3.กล้ามเนื้อที่แข็งแรงนำไปสู่การลดน้ำหนัก 4.ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ 5.ช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง ทุกคนควรเข้าฟิตเนส เพื่อสุขภาพ เพราะการออกกำลังกายนั้นเป็นมากกว่าที่คุณคิดเราสามารถที่จะเยียวยาบุคคลที่เป็นโรคเบาหวานได้หรือต่าง ๆ อีกมากมายที่เราอาจไม่ได้คาดคิดมาก่อน โดยผ่านการออกกำลังกายและเข้าฟิตเนสอย่างเป็นประจำ จะทำให้เราเห็นถึงการพัฒนาของคนคนหนึ่งสู่อีกคนคนหนึ่งได้อย่างแน่นอน เราจึงควรที่จะออกกำลังกายและเข้าฟิตเนสอย่างเป็นประจำไม่ว่าเราจะเป็นโรคประจำตัวหรือเป็นโรคเบาหวานหรือไม่ก็ตามแต่เพื่อสุขภาพที่ดีของเรานั้นเราจึงควรที่จะเข้าฟิตเนสอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง